พระคุณพ่อแม่
ธรรมคือแรงใจ
"การให้ธรรมะพ่อแม่
เป็นการทดแทนพระคุณ
ที่สูงสุด"

สำนักพิมพ์เอกอนันต์บุ๊ค
Tel : 034-246644
Mobile : , 089-6726781
Fax : 034-246644
email : 96rangjai@gmail.com
โลโก้เอกอนันต์
    บุคคลหรือหน่วยงานใดสนใจจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัด  ห้องสมุด  โรงเรียน  โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์  ทัณฑสถาน ฯ หรือใช้ในโอกาสอันเป็นมงคลในชีวิตท่าน  เช่น วันเกิด   ทำบุญบ้าน  กฐิน  ผ้าป่า  วันขึ้นปีใหม่  งานเกษียณอายุราชการ  งานศพ  สร้างอุทิศส่วนกุศล  สะเดาะเคราะห์  หรือแจกจ่ายในงาน มงคล-อวมงคลต่างๆ
    อนึ่ง  ทางรสำนักพิมพ์มีความยินดีในกุศลเจตนาของท่านผู้มีใจอนุเคราะห์ช่วยเหลือกล่อมเกลาจิตใจของชาวโลกด้วยกุศโลบายอันพระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักพิมพ์ขอร่วมอนุโมทนาบุญ โดยให้ความสะดวกในด้านบริการในราคาพิเศษและจัดส่งตามรายการสั่ง  ไม่ว่าซื้อน้อย-ซื้อมาก  ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด  ทางสำนักพิมพ์ยินดีให้บริการแก่ทุกท่าน
96 ธรรมคือแรงใจ
จิตเดิมแท้ของเรานั้นทุกคนนั้นมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
(สมเด็จโต พรหมรังสี)

    ลูกเอ๋ย...ยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง ใจน้อยง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่อาจช่วยให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุขได้เต็มที่ เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอน อันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน หาได้ร่าเริงสดชื่นผ่องใสไม่
    เจ้าจงจำไว้ว่า การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ การให้ธรรมะ ด้วยการสอนหลักธรรมง่ายๆให้พ่อแม่ของเจ้า พาท่านไปทำบุญทำทาน สอนท่านให้รู้จักการปฏิบัติบูชา สวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุกภพทุกชาติ ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด
    เจ้าจงจำไว้นะลูกเอ๋ย !...
พระคุณบุพการี
สมเด็จโต พรหมรังสี
พระพุทธองค์ตรัสสอนพระมหาคุณอันยิ่งใหญ่ของบุพการีผู้ให้กำเนิดอุ้มชูเลี้ยงดูฟูมฟักจนเติบใหญ่ ...
เราผู้เป็นลูกพึงรู้สำนึกในความกตัญญูกตเวทีที่ทดแทนพระคุณในขณะที่ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่...
มิใช่ทรัพย์สินเงินทอง..มิใช่ความเก่งกาจทรนง ...
หรือแม้เราจะควานหาทุกสิ่งจนเจนจบใต้หล้าทั่วแผ่นพื้นปฐพีนี้...
พระพุทธองค์ก็ยังตรัสว่า...ไม่อาจที่จะนำมาทดแทนคุณบุพการีได้เลย ...
แล้วมีสิ่งไหนเล่าที่จะทดแทนได้ ?...

ในกาลนั้น พระตถาคตเจ้าได้เปล่งพระสุรเสียงอันไพเราะ ๘ ประการ ของพรหม ตรัสแด่ปวงชนทั้งหลายว่า.... "เธอทั้งหลายพึงสำเหนียก เราจักแสดงแก่เธอ.....
หากมีบุรุษ หาบบิดาด้วยไหล่ซ้าย  หาบมารดาด้วยไหล่ขวา ...
แบกหามหาบนั้นจนผิวหนังแตกทะลุถึงกระดูก ...
จากกระดูกถึงไขกระดูก ...
หาบวนรอบเขาพระสุเมรุเป็นเวลาผ่านไปนับ แสนกัป ...
โลหิตไหลท่วม ข้อเท้า ...
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้ ...
พระคุณพ่อแม่ : หาบพ่อแม่จนผวหนังแตกทะลุ
หากบุรุษ ปรารถนาให้บิดามารดาพ้นจากทุพภิกขภัย ...
แล่เนื้อตนเอง และบดให้ละเอียด ให้บิดามารดาเป็นอาหาร ...
แม้จักกระทำถึง แสนกัป ...
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้ ...
พระคุณพ่อแม่ : แล่เนื้อตัวเองให้พ่อแม่เป็นอาหาร



หากมีบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา ...
ใช้มีดคว้านควักดวงตาของตน ออกมาถวายบูชาแด่พระตถาคต ...
แม้จะกระทำนับ แสนกัป ...
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้...

หากมีบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา ...
ใช้มีดอันคมควักหัวใจของตน โลหิตไหลทั่วพื้นปฐพี ...
มิหวั่นต่อความเจ็บปวด ...
แม้จักกระทำนับ แสนกัป ...
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้...

พระคุณพ่อแม่ : ใช้มีดคว้านดวงตาออกมาถวายพระตถาคต
พระคุณพ่อแม่ : ใช้มีดควักหัวใจ
หากมีบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา ...
ใช้มีดง้าวศาตราวุธนับแสน เสียบทิ่มแทงจนทะลุปรุพรุนไปทั่วร่าง ...
แม้จักกระทำนับ แสนกัป
ก็มิ อาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้....

พระคุณพ่อแม่ : มีดง้าวนับแสนเสียบทิ่มแทง
หากบุรุษ. เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา ...
ทุบกระดูกตน รีดไขกระดูกเ็ป็นเชื้อไฟจุดประทีปถวายเบื้องหน้าพระตถาคต...
แม้จักกระทำนับ แสนกัป ...
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่ง ใหญ่ของบิดามารดาได้ ...

พระคุณพ่อแม่ : ทุบกระดูกตนจนรีดไขกระดูก
หากบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา ...
กลืนกินลูกเหล็กที่ร้อนระอุ ...
แม้จักกระทำนับ แสนกัป จนทั่วร่างกายลุกเป็นไฟ ...
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้...




พระคุณพ่อแม่ : กินลูกเหล็กร้อนระอุ
หากบุรุษ เพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดา ...
เอาร่างฝ่ากระโจนเข้าไปในกองไฟ จนไหม้เกรียมเป็นผุยผง ...
แม้จักกระทำนับ แสนกัป ....
ก็มิอาจตอบแทนพระคุณอันล้ำลึกยิ่งใหญ่ของบิดามารดาได้..."




พระคุณพ่อแม่ : กระโจเข้ากองไฟ
การกระทำทดแทนคุณ
การทดแทนพระคุณบุพการี
พึงเขียนแสดงพระสูตรนี้ ... (บอกกล่าวและเผยแผ่)
สวดท่องพระสูตรนี้ขอขมากรรมเพื่อบิดามารดา ...
ถวายสักการะแด่พระรัตนตรัยเพื่อบิดามารดา ...

พึงรักษาศีลอุโบสถเพื่อบิดามารดา ...
พึงบำเพ็ญทานเพื่อบิดามารดา ...
พึงชี้แนะธรรมะแด่บิดามารดา ...

หากประพฤติปฏิบัติได้เยี่ยงนี้ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นบุตรกตัญญู...
หากไม่ประพฤติเยี่ยงนี้ ย่อมไม่อาจพ้นนรกโลกันต์ " ...

ปวงชนทั้งหลาย เมื่อได้สดับรับฟังพระพุทธดำรัสถึงความยิ่งใหญ่ ของพระคุณบิดามารดาเช่นนั้น ...ต่างหลั่งน้ำตาด้วยความปวดร้าวใจ ดุจดังมีดกรีด ด้วยมิอาจคิดหาวิธีได้ ...
ต่างพร้อมเพรียงกันกราบทูล พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความละอายและเกรงกลัวต่อบาปในสังสารวัฎ ว่า....
" ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า พวกข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นผู้บาปยิ่งนัก จักกระทำเยี่ยงไรจึงจะสามารถตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ลึกซึ้งของ บิดามารดาได้ ? "

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสแก่สาวกทั้งหลายว่า...
"หากปรารถนาจักตอบแทนพระคุณบิดามารดา....
สำนึกพระคุณพ่อแม่

Copyright (c) 2010 All Rights Reserved.
ขึ้นบนสุด
 
พระโอวาทพระพุทธจี้กง :

    ลองมองที่มือของตนเอง  แล้วนึกถึงมือของมารดาตัวเอง  หยาบกร้านกว่าเราสักกี่เท่า  เคยลูบ เคยจูบ เคยคลำฝ่ามือของท่านมิได้ใหญ่หรือเล็กไปกว่าเรา  แต่สามารถเลี้ยงดูเราจนเติบใหญ่  ให้การเพาะบ่มอบรมด้วยมือสองข้าง  อาบเหงื่อต่างน้ำ  ลองมองดูเท้าของตนเองเหมือนกับที่พ่อแม่มีหรือไม่ ?  ...
    สองเท้าของพ่อแม่ทำเพื่อใคร  สองมือสองเท้าขยันหมั่นเพียรเพื่อให้การเลี้ยงดูบุตร  มือเท้าคู่นี้บาดเจ็บมาเท่าใด  ทนทุกข์มาเท่าใด  เคยรู้เคยเข้าใจหรือไม่ ?  ...
    เมื่อดูจากกาลก่อน  การปฏิบัติบำเพ็ญของลูกกตัญญูในสมัยโบราณ  หากมาเทียบกับเราในปัจจุบันยิ่งห่างกันนัก  หากเรายังปฏิบัติตนอยู่เช่นนี้  ถือได้ว่าเป็นลูกอกตัญญูที่สุดในสมันนั้น ...
พระคุณพ่อแม่


    ความกตัญญูเป็นพื้นฐานของมนุษย์  ไม่ว่าคัมภีร์ใดจะมากมายก็มิสามารถจะจารึกความลึกซึ้งของมันได้หมด ...
    มันเป็นพื้นฐานเป็นรากอยู่ในจิตใจของมนุษย์  ต้องอาศัยการปฏิบัติ  มิใช่เพียงการสำนึกเท่านั้น ...    
    ความกตัญญูมิใช่ร้องไห้ต่อพ่อแม่แล้วสำนึกว่าผิดไปแล้วแค่นั้น  ความกตัญญูมิใช่ให้พ่อแม่ได้กินอิ่มหนำ 3 มื้อเท่านั้น ...
    ความกตัญญูมิใช่ให้แค่ความสบายอกสบายใจแก่พ่อแม่เท่านั้น  หรือความกตัญญูมิใช่ต่างๆ นานามากมายที่จารึกไว้ในคัมภีร์เท่านั้น ...
    แต่ความกตัญญูสามารถปรากฏได้ในจิตใจของเราเอง...  ในการกระทำของเรา ...
    ลองพิจารณาตัวเองซิ... วันนี้ทำให้พ่อแม่ต้องเจ็บปวดรวดร้าวใจบ้างหรือไม่ ... วันนี้ต้องทำให้พ่อแม่เป็นกังวลต่อเราหรือไม่ ... วันนี้เคยทำให้พ่อแม่ได้ยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาได้แล้วหรือยัง...  แล้วรู้หรือไม่ว่าความกตัญญูต้องเริ่มจากจุดไหน...

    ลองรำลึกย้อนถึงใบหน้าที่มีแต่ความเมตตาในจิตใจของผู้เป็นพ่อและแม่ ... นึกถึงร่างกายของท่านที่เคยหนุ่มแน่นกำยำ  และค่อยๆ แก่ชราลงด้วยการทำงานหนัก  ใช้แรงงานแลกเงิน  จับจ่ายใช้สอยในครอบครัวโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ...
    นึกถึงคำพูดกล่าวสอนคำแล้วคำเล่าที่เตือนเราอย่างที่หาคณานับไม่ได้ ...
    กี่ครั้งที่ท่านต้องโมโหเพราะเรา ...
    กี่ครั้งที่ท่านต้องหลั่งน้ำตา ...
    ความปวดร้าวในอกของผู้เป็นพ่อเป็นแม่มิเคยถ่ายทอดให้ลูกได้รับรู้ ...
    สีหน้าที่แสดงออกทุกวันเพื่อให้ลูกแจ่มใส  เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีมีมโนธรรมสำนึก  มีจิตใจที่ระลึกถึงคุณคน ...
    ถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบแทนจากลูก  แม่ก็ยังคงมีจิตใจอย่างเช่นนั้นเรื่อยไป  กาลเวลาทำให้ท่านแก่ชราลง  ...

    เราเคยนึกรังเกียจในความแก่ชราของพ่อแม่เราหรือไม่ ? ...
    ในจิตใจส่วนลึกเคยนึกละอายใจที่มีพ่อแม่หน้าตาไม่สะสวยหรือไม่ ...
    ในจิตใจของเราเคยรังเกียจดูแคลนว่าท่านเป็นผู้ที่ยากจน  เป็นผู้ที่ไม่มีประโยชน์แล้วหรือสำหรับเรา  ในจิตใจส่วนลึกนั้นหากมีให้ถอนรากถอนโคน  เอาความนึกคิดเหล่านั้นออกไปเสีย  ปฏิบัติตนปฏิบัติตัวเป็นคนใหม่  ใส่รากธรรมแห่งความกตัญญูลงไปให้เต็มที่  ปฏิบัติจิตใจแห่งความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่จนสุดความสามารถในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ...
    อย่ารอที่จะโอบกอดพ่อแม่ในขณะที่ท่านเสียชีวิตไปเสียแล้ว  แล้วสำนึกว่าไม่ได้ดูแลไม่ได้เอาใจใส่  เมื่อนั้นก็สายเกินไป....