จิตเดิมแท้ของเรานั้นทุกคนนั้นมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
(7) ว่าด้วยเรื่อง...ความสุข
ชาวเมืองกบิลพัสดุ์...และนครโกลิยะวิวาทแย่งน้ำในการทํากสิ กรรมกัน เรื่องลุกลามใหญ่โตจนราชตระกูลทั้ง ๒ นครยกทัพมาเพื่อทําสงครามแก่กัน พระพุทธเจ้าได้เสด็จเข้าห้ามปรามโดยยกอุปมาค่าของพระราชากับคาของน้ำเพื่อเปรียบว่าพระราชามีค่ามากกว่าน้ำพร้อมตรัสภาษิตว่า...
ในหมู่มนุษย์ผู้จองเวรกัน
พวกเราไม่จองเวรใคร ช่างอยู่สบายจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้เต็มไปด้วยเวร
พวกเราอยู่อย่างปราศจากเวร
มาร...ได้เข้าดลใจประชาชนในหมู่บ้านเพื่อไม่ให้ถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้า มารได้เข้าถามพระพุทธเจ้าว่าหิวบ้างหรือไม่ พระพุทธเจ้า ตอบว่าจักเสวยปิติดุจอาภัสสรพรหมโดยตรัสภาษิตว่า...
พวกเราไม่มีกิเลสเศร้าหมองใจ
ช่างอยู่สุขสบายจริงหนอ
พวกเรามีปีติเป็นภักษาหาร
เปรียบปานเหล่าอาภัสรพรหม
ในหมู่มนุษย์ผู้มีกิเลส
พวกเราหมดกิเลสแล้ว ช่างอยู่สุขสบายจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้มีกิเลส
พวกเราอยู่ปราศจากกิเลส
พระเจ้าโกศล...บิดาของพระเจ้าปเสนทิโกศล มีความโทมนัสที่พระองค์ทําสงครามแพ้พระเจ้าอชาตศัตรูพระราชาผู้อ่อนวัยถึง ๓ ครั้ง พระ พุทธเจ้าทราบความแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...
ผู้แพ้ย่อมก่อเวร
ผู้พ่ายย่อมอยู่เป็นทุกข์
ผู้ละความแพ้และความพ่ายเสีย
มีใจสงบระงับนั่นแหละเป็นสุข
อุบาสกคนหนึ่ง...มีความหิวเข้าครอบงํา แต่ยังเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม พระพุทธเจ้าตรัสให้ภิกษุนําอาหารให้แก่อุบาสกนั้นกินก่อน เมื่ออุบาสกนั้นปราศจากความหิวแล้ว สามารถตั้งใจฟังธรรมได้เป็นอันดี ได้ดวงตาเห็นธรรม (บรรลุพระโสดาปัตติผล) ภิกษุทั้งหลายโจษตําหนิพระพุทธเจ้าที่ให้อาหารแก่อุบาสกนั้น พระพุทธเจ้าทรงทราบความที่ภิกษุตําหนิ พระองค์ พระองค์จึงตรัสภาษิตว่า...
ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง
สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
รู้ความจริงข้อนี้แล้ว
พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
พระติสสเถระ...ได้ยินว่าพระศาสดาจะเสด็จดับขันธปรินิพพานในอีก ๔ เดือนข้างหน้า จึงพยายามบําเพ็ญสมณธรรมไม่เข้าสู่สํานักของภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายพากันตําหนิพระติสสเถระ พระศาสดาสอบถามจนทราบความแล้วจึงตรัสสรรเสริญพระติสสเถระพร้อมกล่าวภาษิตว่า...
เมื่อได้ลิ้มรสแห่งวิเวก
และรสพระนิพพานอันสงบ
ได้ดื่มรสแห่งความอิ่มเอมในพระธรรม
บุคคลย่อมจะหมดบาป หมดทุกข์ร้อน
มหาอานิสงส์ของการพิมพ์หนังสือธรรมะ
“ ดูก่อนสารีบุตร นรชนใดมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ใหญ่อันประมาณมิได้...
ดูก่อนสารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้งไตรปิฎกนั้นเลย “แม้อักขระธรรมหนึ่งตัว” เป็นเครื่องหมายเพื่อน้อมนำจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้พบเห็น เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้...
ฉะนั้นแล้วจะยังผลให้ผู้สร้างได้เสวยสุขเกษมสิ้นกาลช้านาน จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิถึง 84,000 กัป ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้วจะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชาทรงมหิธานุภาพอีก 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไปอันมีตระกูล พราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐี คฤหบดี และภูมิเทวดาอย่างละ 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้นประณีีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ 9 อสงไขย เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้พบเห็น ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากมลทิน อานิสงส์ดังกล่าวมานี้เพราะอำนาจการสร้างอักขระธรรมหนึ่งตัว ฯ”...
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Copyright (c) 2010 All Rights Reserved.
สำนักพิมพ์เอกอนันต์บุ๊ค
Tel : 034-246644
Mobile : 085-0658236, 089-6726781
Fax : 034-246644
email : 96rangjai@gmail.com
บุคคลหรือหน่วยงานใดสนใจจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัด ห้องสมุด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ทัณฑสถาน ฯ หรือใช้ในโอกาสอันเป็นมงคลในชีวิตท่าน เช่น วันเกิด ทำบุญบ้าน กฐิน ผ้าป่า วันขึ้นปีใหม่ งานเกษียณอายุราชการ งานศพ สร้างอุทิศส่วนกุศล สะเดาะเคราะห์ หรือแจกจ่ายในงาน มงคล-อวมงคลต่างๆ
อนึ่ง ทางรสำนักพิมพ์มีความยินดีในกุศลเจตนาของท่านผู้มีใจอนุเคราะห์ช่วยเหลือกล่อมเกลาจิตใจของชาวโลกด้วยกุศโลบายอันพระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักพิมพ์ขอร่วมอนุโมทนาบุญ โดยให้ความสะดวกในด้านบริการในราคาพิเศษและจัดส่งตามรายการสั่ง ไม่ว่าซื้อน้อย-ซื้อมาก ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ทางสำนักพิมพ์ยินดีให้บริการแก่ทุกท่าน
ในหมู่มนุษย์ผู้มีความกระวนกระวาย
พวกเราไม่กระวนกระวาย ช่างอยู่เป็นสุขสบายจริงหนอ
ในหมู่มนุษย์ผู้มีความกระวนกระวาย
พวกเราอยู่ปราศจากความกระวนกระวาย
เด็กหญิงคนหนึ่ง...ได้เข้าสู่ตระกูลสามีด้วยอาวาหมงคล (การสมรสโดยนำเจ้าสาวมาอยู่ที่บ้านเจ้าบ่าว) ระหว่างงานมงคลนั้นฝ่ายสามีเห็นนางแล้ว เกิดอํานาจราคะเข้าครอบงํา พระพุทธเจ้าทราบวาระจิตแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...
ไม่มีไฟใดเสมอด้วยราคะ
ไม่มีโทษใดเสมอด้วยโทสะ
ไม่มีทุกข์ใดเสมอด้วยเบญจขันธ์
ไม่มีสุขใดเสมอด้วยความสงบ
พระเจ้าปเสนทิโกศล...เสวยพระกระยาหารมากเกินไปจนอ้วนฉุ มักง่วงเหงาหาวนอนอยู่เสมอ พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าบริโภคมากเกินไป พร้อมแสดงภาษิตว่า...
ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง
ความรู้จักพอเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง
ความไว้วางใจกันเป็นญาติอย่างยิ่ง
พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
ผู้คบคนพาลย่อมเศร้าโศกนาน
การอยู่ร่วมกับคนพาลมีแต่ความทุกข์
เหมือนอยู่ร่วมกับศัตรู
การอยู่ร่วมกับนักปราญ์มีแต่ความสุข
เหมือนสมาคมของญาติ
ฉะนั้นแล้ว จึงควรประพฤติตามผู้เป็นปราชญ์
ผู้เฉียบแหลม ศึกษาเล่าเรียนมาก มีศีลาจารวัตร มีวินัย
เป็นพระอริยะ เป็นสัตบุรุษ มีปัญญาดี
เหมือนพระจันทร์ไปตามทางแห่งกลุ่มนักขัตฤกษ์
ท่านผู้ที่สนใจต้องการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ
"เพชรน้ำเอก" เล่ม 1,2,3
เผยแพร่เป็นวิทยาทาน ติดต่อได้ที่
พระพุทธเจ้า...อาพาธลงพระโลหิต พระอินทร์ได้เข้ามาเป็นอุปัฏ ฐากของพระพุทธเจ้า ทูนเอากระโถนพระบังคนหนักขึ้นเหนือเศียรดุจทูนภาชนะของหอม พระพุทธเจ้าตรัสว่าเทวดาทั้งหลายย่อมได้กลิ่นมนุษย์ดุจกลิ่นซากศพขอให้พระอินทร์ไปเสีย แต่พระอินทร์ก็ขออุปัฏฐากพระพุทธเจ้าจนหายอาพาธ ภิกษุทั้งหลายโจษสรรเสริญพระอินทร์ที่ไม่รังเกียจกลิ่นมนุษย์ พระพุทธเจ้าตรัสแก่ภิกษุว่าการกระทําของพระอินทร์ไม่น่าแปลกเพราะเป็นพระโสดาบันแล้วพร้อมตรัสภาษิตว่า...
การพบพระอริยเจ้านับเป็นโชคดี
การอยู่ร่วมกับท่านให้เกิดสุขทุกเมื่อ
เมื่อไม่คบคนพาลเสียได้
คนเราพึงมีความสุขเป็นนิจนิรันดร์