จิตเดิมแท้ของเรานั้นทุกคนนั้นมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
พระจักขุบาล...บําเพ็ญสมณธรรมโดยถือเนสัชชิกธุดงค์ จนตาบอดพร้อมกับบรรลุเป็นอรหัตผลสุกขวิปัสสโก ภิกษุโจษกันถึงบุพกรรมของพระจักขุบาลว่าเป็นเพราะเหตุใดตาจึงบอด พระพุทธเจ้าจึงเล่าบุพกรรมของพระจักขุบาลแก่ภิกษุทั้งหลายว่าในอดีตชาติพระจักขุบาลปรุงยาพิษหยอดตาผู้อื่นทําให้ผู้อื่นตาบอดพร้อมตรัสภาษิตว่า....
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงสำคัญที่ใจ
ใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ
ถ้าพูดหรือทำสิ่งใดด้วยใจชั่ว
ความทุกข์ย่อมติดตามเขา
เหมือนล้อหมุนเต้าตามเท้าโค
มัฏฐกุณฑลีเป็นบุตรของอทินนปุพพกพราหมณ์ผู้ตระหนี่ถี่เหนียว เมื่อมัฏฐกุณฑลีป่วยหนัก พราหมณ์ไม่ยอมรักษาเพราะกลัวเสียทรัพย์จนบุตรตาย บุตรไปเกิดในดาวดึงสเทวโลก เพราะอํานาจของการระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ ภายหลังพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดทั้งมัฏฐกุณฑลีเทพบุตร และอทินนปุพพกพราหมณ์จนบรรลุโสดาปัตติผล โดยพระพุทธเจ้าได้กล่าวภาษิตว่า....
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงสำคัญที่ใจ
ใจประเสริฐสุด สำเร็จได้ด้วยใจ
ถ้าพูดหรือทำสิ่งใดด้วยใจบริสุทธิ์
ความสุขย่อมติดตามเขา
เหมือนเงาติดตามตน
พระติสสเถระบวชเมื่อตอนแก่ ถือตัวว่าเป็นพระญาติวงศ์ของพระพุทธเจ้า มีความเย่อหยิ่งต่อภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายและพระพุทธเจ้าตักเตือนเท่าไรก็ไม่เชื่อฟัง ยังคงถือทิฏฐิมานะ พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า....
ใครมัวคิดอาฆาตว่า
มันด่าเรา มันทําร้ายเรา
มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา
เวรของเขาไมมีทางระงับ
ใครไม่คิดอาฆาตว่า
มันด่าเรา มันทำร้ายเรา
มันเอาชนะเรา มันขโมยของเรา
เวรของเขาย่อมระงับ
หญิง ๒ คน...ติดตามจองเวรกันหลายชาติ จนชาติสุดท้ายผู้หนึ่งเกิดเป็นสตรี อีกผู้หนึ่งเกิดเป็นนางกาลียักษิณี พระพุทธเจ้าได้้ตรัสห้าม นางกาลียักษิณีและตรัสภาษิตสอนทั้ง ๒ ว่า...
ในโลกนี้ แต่ไหนแต่ไรมา
เวรไม่มีระงับด้วยการจองเวร
มีแต่ระงับด้วยการไม่จองเวร
นี้เป็นกฎเกณฑ์ตายตัว
ภิกษุชาวเมืองโกสัมพี...ผู้กล่าวสอนธรรมและพระวินัยธรทะเลาะแตกแยกกัน ไม่ยอมกระทําสังฆกรรมร่วมกัน แม้พระพุทธเจ้าตรัสห้าม พร้อมแสดงลฏกิกชาดกและวัฏฏกชาดก ภิกษุทั้งหลายก็ไม่เชื่อฟัง พระ พุทธเจ้าจึงหลีกไปอยู่ในป่า เหล่าอุบาสกอุบาสิกาทั้งหลายบังคับให้ภิกษุ ขอขมาพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับพระองค์จึงตรัสภาษิตว่า...
คนทั่วไปมักนึกไม่ถึงว่า
ตนกำลังพินาศ
เพราะวิวาททุ่มเถึยงกัน
ส่วนผู้รู้ความจริงเช่นนั้น
ย่อมไม่ทะเลาะกันอีกต่อไป
มหากาลและจุลกาล...สองพี่น้องได้ออกบวช พระมหากาลเถระบรรลุอรหัตผล ส่วนพระจุลกาลถูกภรรยาทั้ง ๒ จับสึกโดยเปลื้องผ้า กาสาวะ ภิกษุทั้งหลายเกรงว่าพระมหากาลเถระจักโดนภรรยาจับสึกเช่น นั้นบ้าง พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
มารย่อมสามารถทำลาย
บุคคลผู้ตกเป็นทาสของความสวยงาม
ไม่ควบคุมการแสดงออก ไม่รู้ประมาณในโภชนาหาร
เกียจคร้านและอ่อนแอ
เหมือนลมแรงพัดโค่นต้นไม้ที่ไม่แข็งแรง
มารย่อมไม่สามารถทำลายบุคคล
ผู้ไม่ตกเป็นทาสของความสวยงาม
รู้จักควบคุมการแสดงออก รู้ประมาณในโภชนาหาร
มีศรัทธาและมีความขยันหมั่นเพียร
เหมือนลมไม่สามารถพัดโค่นภูเขา
1.3 เวรย่อมระงับด้วยการ...?
ชาวบ้านหมู่มาก...ลงมติถวายผ้าเนื้อดีแก่พระเทวทัต ภิกษุทั้งหลายโจษกันว่าผ้านั้นไม่เหมาะแก่พระเทวทัต หากแต่เหมาะสมกับพระอัครสาวก พระพุทธเจ้าจึงตรัสฉัททันตชาดก ๑๕ พร้อมภาษิตว่า...
คนที่กิเลสครอบงำใจ
ไร้การบังคับตนเองและไร้สัตย์
ถึงจะครองผ้ากาสาวพัสตร์
ก็หาคู่ควรไม่
ผู้หมดกิเลสแล้ว
มั่นคงในศีล
รู้จักบังคับตนเองและมีสัตย์
ควรครองผ้ากาสาวพัสตร์โดยแท้
พระอัครสาวกทั้งสอง...เมื่อบรรลุอรหัตผลแล้วปรารถนาจะให้ สญชัยปริพาชกออกบวชด้วย ได้พยายามชักชวนสญชัยปริพาชก แต่สญชัยปริพาชกกล่าวว่าเมื่อคนโง่มากกว่าคนฉลาด ก็ให้คนโง่มาหาตน คนฉลาดไปหาพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าทรงทราบความแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...
ผู้ใดเห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
เห็นสิ่งที่เป็นสาระ ว่าไร้สาระ
ผู้นั้นมีความคิดผิดเสียแล้ว
ย่อมไม่ประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ผู้ที่เข้าใจสิ่งที่เป็นสาระ ว่าเป็นสาระ
และสิ่งที่ไร้สาระ ว่าไร้สาระ
มีความคิดเห็นชอบ
ย่อมประสบสิ่งที่เป็นสาระ
ปริพาชก คือ นักพรตผู้ถือการท่องเที่ยวจาริกไปในที่ต่างๆ
พระนันทะ...เป็นพระญาติของพระผู้มีพระภาค ออกบวชเพราะเกรงพระทัย ภายหลังพระพุทธเจ้าฉวยพระหัตถ์นําไปยังดาวดึงสเทวโลก พระนันทะจึงบรรลุอรหัตผล ภิกษุทั้งหลายโจษกันว่าพระนันทะคงมีความปรารถนาในนางอัปสร พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
มหาอานิสงส์ของการพิมพ์หนังสือธรรมะ
“ ดูก่อนสารีบุตร นรชนใดมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ใหญ่อันประมาณมิได้...
ดูก่อนสารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้งไตรปิฎกนั้นเลย “แม้อักขระธรรมหนึ่งตัว” เป็นเครื่องหมายเพื่อน้อมนำจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้พบเห็น เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้...
ฉะนั้นแล้วจะยังผลให้ผู้สร้างได้เสวยสุขเกษมสิ้นกาลช้านาน จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิถึง 84,000 กัป ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้วจะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชาทรงมหิธานุภาพอีก 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไปอันมีตระกูล พราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐี คฤหบดี และภูมิเทวดาอย่างละ 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้นประณีีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ 9 อสงไขย เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้พบเห็น ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากมลทิน อานิสงส์ดังกล่าวมานี้เพราะอำนาจการสร้างอักขระธรรมหนึ่งตัว ฯ”...
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Copyright (c) 2010 All Rights Reserved.
สำนักพิมพ์เอกอนันต์บุ๊ค
Tel : 034-246644
Mobile : 085-0658236, 089-6726781
Fax : 034-246644
email : 96rangjai@gmail.com
บุคคลหรือหน่วยงานใดสนใจจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัด ห้องสมุด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ทัณฑสถาน ฯ หรือใช้ในโอกาสอันเป็นมงคลในชีวิตท่าน เช่น วันเกิด ทำบุญบ้าน กฐิน ผ้าป่า วันขึ้นปีใหม่ งานเกษียณอายุราชการ งานศพ สร้างอุทิศส่วนกุศล สะเดาะเคราะห์ หรือแจกจ่ายในงาน มงคล-อวมงคลต่างๆ
อนึ่ง ทางรสำนักพิมพ์มีความยินดีในกุศลเจตนาของท่านผู้มีใจอนุเคราะห์ช่วยเหลือกล่อมเกลาจิตใจของชาวโลกด้วยกุศโลบายอันพระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักพิมพ์ขอร่วมอนุโมทนาบุญ โดยให้ความสะดวกในด้านบริการในราคาพิเศษและจัดส่งตามรายการสั่ง ไม่ว่าซื้อน้อย-ซื้อมาก ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ทางสำนักพิมพ์ยินดีให้บริการแก่ทุกท่าน
นายจุนทสูกริก...ฆ่าสุกรเลี้ยงชีพตลอด ๕๕ ปี ในที่สุดผลกรรมเข้า สนองต้องทรมานถึง ๗ วันก่อนตาย ตายแล้วไปเกิดในอเวจีมหานรก ภิกษุทั้งหลายโจษกัน พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
คนทำชั่ว
ย่อมเศร้าโศกทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกทั้งในสองโลก
คนทำชั่วย่อมเศร้าโศกเดือดร้อนยิ่งนัก
เมื่อมองเห็นแต่กรรมชั่วของตน
ธัมมิกอุบาสก...ตายแล้วไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต ภิกษุโจษกันเรื่องกุศลแห่งธัมมิกอุบาสก พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
คนทำดี
ย่อมร่าเริงในโลกนี้และโลกหน้า
คนทำดีย่อมร่าเริงทั้งในสองโลก
คนทำดีย่อมร่าเริงเบิกบานใจยิ่งนัก
เมื่อมองเห็นแต่กรรมบริสุทธิ์ของตน
1.11 คนดี...ตายแล้วไปไหน ?
พระเทวทัต...กระทําอนันตริยกรรมตกลงสู่อเวจีมหานรก ภิกษุทั้งหลายกล่าวโจษกันว่าพระเทวทัตต้องทุกข์ทั้งในขณะมีชีวิตอยู่และขณะตายแล้ว พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
คนทำชั่ว
ย่อมเดือดร้อนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
คนทำชั่วย่อมเดือดร้อนทั้งสองโลก
เมื่อคิดได้ว่าตนทำแต่กรรมชั่วย่อมทุกข์ใจ
ตายไปเกิดในทุคติยิ่งเดือดร้อนหนักขึ้น
1.12 คนชั่ว...ตายแล้วไปไหน ?
นางสุมนาเทวี...บุตรสาวคนเล็กของอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระสกิทาคามี เมื่อใกล้ตายได้เรียกอนาถบิณฑิกเศรษฐีว่า น้องชาย เพราะอนาถบิณฑิกเศรษฐีเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบันเท่านั้น อนาถบิณฑิกเศรษฐีมีความเสียใจคิดว่าบุตรสาวเพ้อด้วยพิษไข้ จึงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อกราบทูล พระพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงภูมิธรรมและภพเกิดของนางอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงกล่าวว่านางเป็นสุขในโลกทั้งสอง พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
คนทำดี
ย่อมสุขใจทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
คนทำดีย่อมสุขใจทั้งสองโลก
เมื่อคิดว่าตนได้ทำแต่บุญกุศลย่อมสุขใจ
ตายไปเกิดในสุคติยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น
ภิกษุ ๒ รูป...เป็นสหายกัน รูปหนึ่งถือบำเพ็ญวิปัสสนาบรรลุอรหัตผลมีลูกศิษย์มากมาย อีกรูปหนึ่งถือเคร่งตำรา เชี่ยวชาญพระไตรปิฎก หากแต่มิอาจยังคุณวิเศษใดๆ ให้เกิดแก่ตนได้ ภิกษุปุถุชนมีความริษยาพระเถระขีณาสพจึงท้าทายตอบปัญหาธรรม พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังที่นั้นแล้ว ตรัสถามเรื่องการปฏิบัติมีคําถามเรื่องรูปฌาน อรูปฌาน เป็นต้น ภิกษุขีณาสพตอบปัญหานั้นได้ทั้งสิ้น แต่ภิกษุปุถุชนตอบปัญหาไม่ได้เลย พระ พุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
คนที่ท่องจำตำราได้มาก
แต่มัวประมาทเสีย ไม่ทำตามคำสอน
ย่อมไม่ได้รับผลที่พึงได้จากการบวช
เหมือนเด็กเลี้ยงโค นับโคให้คนอื่นเขา
ถึงจะท่องจำตำราได้น้อย แต่ประพฤติชอบธรรม
ละราคะ,โทสะ,โมหะได้ รู้แจ้งเห็นจริง มีจิตหลุดพ้น
ไม่ยึดมั่นถือมั่นทั้งปัจจุบันและอนาคต
เขาย่อมได้รับผลที่พึงได้จากการบวช
ท่านผู้ที่สนใจต้องการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ
"เพชรน้ำเอก" เล่ม 1,2,3
เผยแพร่เป็นวิทยาทาน ติดต่อได้ที่