จิตเดิมแท้ของเรานั้นทุกคนนั้นมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
(8) ว่าด้วยเรื่อง...ความรัก
บุตร บิดา มารดา...ออกบวชตามกันตามลําดับ แต่ทั้งสามก็ยัง คลุกคลีใกล้ชิดกันเป็นที่รําคาญของภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย พระพุทธเจ้า เรียกมาตักเตือนแล้วตรัสภาษิตว่า...
พยายามในสิ่งที่ไม่ควรพยายาม
ไม่พยายามในสิ่งที่ควรพยายาม
ละเลยสิ่งที่เป็นประโยชน์ ติดอยู่ในปิยารมณ์
คนเช่นนี้ก็ได้แต่ริษยาผู้ที่พยายามช่วยตัวเอง
พราหมณ์เศรษฐีผู้หนึ่ง...สูญเสียบุตรชายไปแล้วมีความเศร้าโศกอยู่พระพุทธเจ้าเสด็จไปปลอบพราหมณ์นั้นโดยเล่าอุรคชาดกพร้อมตรัสภาษิตว่า...
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีของรักเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
อย่าติดอยู่ในสิ่งที่เรารัก หรือไม่รัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เป็นทุกข์
การพบเห็นแต่สิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์
นางสุทัตตี...หลานสาวของนางวิสาขาเสียชีวิตลง นางวิสาขามีความเสียใจไม่อาจหักห้ามไว้ได้ เที่ยวร้องไห้อยู่ เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความรักเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
อนิตถิคันธกุมาร...จุติมาแต่พรหมโลกเกิดในครรภ์มนุษย์ เมื่อคลอดออกมามีความรังเกียจสตรี แม้สตรีใดจับต้องก็ร้องไห้ ภายหลังบิดามารดาได้อ้อนวอนให้สืบตระกูล โดยยอมทําตามเงื่อนไขของอนิตถิคันธ กุมารให้หาสตรีที่งามดั่งรูปทองได้แล้ว หากแต่สตรีนั้นตายเสียระหว่างทาง อนิตถิคันธกุมารมีความโศกเศร้าเป็นอันมาก พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด พร้อมตรัสภาษิตว่า...
ที่ใดมีความใคร่ ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความใคร่ ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความใคร่เสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
พระพุทธเจ้า...เสด็จพร้อมภิกษุ ๕๐๐ รูปได้สวนทางกับกลุ่มเด็ก ๕๐๐ คนที่ถือกระเช้าขนม เด็กเหล่านั้นไม่ได้ถวายขนมแก่ใครๆ แต่ถวายขนมแด่พระมหากัสสปเถระ พระมหากัสสปเถระได้แนะให้เด็กเหล่านั้นถวายขนมแก่พระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุบริวารด้วย ภิกษุทั้งหลายโจษกันว่า เด็กเหล่านั้นถวายขนมเพราะเห็นแก่หน้า พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าภิกษุเช่น พระมหากัสสปเถระนั้นย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลายพร้อม ตรัสภาษิตว่า...
ผู้ประพฤติดีมีความเห็นถูกต้อง
มั่นอยู่ในคลองธรรม พูดคำสัตย์
ปฏิบัติหน้าที่ของคนสมบูรณ์
คนย่อมเทิดทูนด้วยความรัก
มหาอานิสงส์ของการพิมพ์หนังสือธรรมะ
“ ดูก่อนสารีบุตร นรชนใดมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ใหญ่อันประมาณมิได้...
ดูก่อนสารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้งไตรปิฎกนั้นเลย “แม้อักขระธรรมหนึ่งตัว” เป็นเครื่องหมายเพื่อน้อมนำจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้พบเห็น เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้...
ฉะนั้นแล้วจะยังผลให้ผู้สร้างได้เสวยสุขเกษมสิ้นกาลช้านาน จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิถึง 84,000 กัป ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้วจะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชาทรงมหิธานุภาพอีก 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไปอันมีตระกูล พราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐี คฤหบดี และภูมิเทวดาอย่างละ 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้นประณีีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ 9 อสงไขย เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้พบเห็น ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากมลทิน อานิสงส์ดังกล่าวมานี้เพราะอำนาจการสร้างอักขระธรรมหนึ่งตัว ฯ”...
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Copyright (c) 2010 All Rights Reserved.
สำนักพิมพ์เอกอนันต์บุ๊ค
Tel : 034-246644
Mobile : 085-0658236, 089-6726781
Fax : 034-246644
email : 96rangjai@gmail.com
บุคคลหรือหน่วยงานใดสนใจจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัด ห้องสมุด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ทัณฑสถาน ฯ หรือใช้ในโอกาสอันเป็นมงคลในชีวิตท่าน เช่น วันเกิด ทำบุญบ้าน กฐิน ผ้าป่า วันขึ้นปีใหม่ งานเกษียณอายุราชการ งานศพ สร้างอุทิศส่วนกุศล สะเดาะเคราะห์ หรือแจกจ่ายในงาน มงคล-อวมงคลต่างๆ
อนึ่ง ทางรสำนักพิมพ์มีความยินดีในกุศลเจตนาของท่านผู้มีใจอนุเคราะห์ช่วยเหลือกล่อมเกลาจิตใจของชาวโลกด้วยกุศโลบายอันพระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักพิมพ์ขอร่วมอนุโมทนาบุญ โดยให้ความสะดวกในด้านบริการในราคาพิเศษและจัดส่งตามรายการสั่ง ไม่ว่าซื้อน้อย-ซื้อมาก ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ทางสำนักพิมพ์ยินดีให้บริการแก่ทุกท่าน
เพราะฉะนั้น ไม่ควรรักสิ่งใด
เพราะการพลัดพรากจากของรัก เป็นทุกข์
ผู้ที่หมดความรักและความไม่รักแล้ว
เครื่องผูกพันก็พลอยหมดไปด้วย
เช้าตรู่วันมีมหรสพวันหนึ่ง...เหล่าเจ้าลิจฉวีต่างแต่งองค์แข่งกัน อย่างสวยงาม แม้พระพุทธเจ้ายังตรัสว่าคล้ายกับเทวดาชั้นดาวดึงส์ แต่ยามค่ำเหล่าเจ้าลิจฉวีได้ประหัตประหารกันเพื่อแย่งหญิงโสเภณีนางหนึ่ง ต่างคนต่างบาดเจ็บถึงความพินาศแล้วพระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
ที่ใดมีความยินดี ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความยินดี ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความยินดีเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
พราหมณ์ผู้หนึ่ง...นับถือพระพุทธองค์ดุจสหาย ได้ให้สัญญาแก่พระพุทธเจ้าว่าจะถวายข้าวเมื่อข้าวออกผล แต่เกิดพายุฝนทําลายข้าว กล้านั้นจนสิ้นเสียก่อน พราหมณ์มีความเสียใจที่ไม่อาจกระทําตามสัญญาได้ พระพุทธเจ้าแสดงอุบายระงับความโศกแก่พราหมณ์แล้วตรัสภาษิตว่า...
ที่ใดมีความทะยานอยาก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความทะยานอยาก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไม่มีความทะยานอยากเสียแล้ว
โศก ภัย ก็ไม่มี
บุญที่ได้ทำไว้ในโลกนี้
ย่อมต้อนรับผู้ที่จากไป
เหมือนญาติสนิทกลับมาจากแดนไกล
ฝูงชนย่อมเต็มใจต้อนรับ
ท่านผู้ที่สนใจต้องการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ
"เพชรน้ำเอก" เล่ม 1,2,3
เผยแพร่เป็นวิทยาทาน ติดต่อได้ที่
พระเถระผู้เป็นพระอนาคามีรูปหนึ่ง...ละอายคําถามของพระลูกศิษย์ที่ถามถึงการบรรลุธรรมของพระเถระ เพราะพระเถระนั้นบรรลุเพียงพระอนาคามีผล คิดว่าความเป็นพระอนาคามีผลนั้นแม้คฤหัสถ์ก็บรรลุได้ จึงไม่กล่าวตอบคําถามของพระลูกศิษย์ คิดว่าเมื่อตนบรรลุเป็นพระอรหัตผลแล้วจึงบอกคุณธรรมของตนแก่พระลูกศิษย์ พระเถระยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์แต่ได้กระทํากาละเสียก่อน เหล่าพระลูกศิษย์จึงโศกเศร้า เสียใจ พระพุทธเจ้าทรงทราบความทั้งหมดแล้วจึงกล่าวว่าพระเถระเป็น พระอนาคามีผลแล้วตรัสภาษิตว่า...
พระอนาคามีผู้ใฝ่พระนิพพาน
สัมผัสผ่านผลสามด้วยใจ
หมดปฏิพัทธ์รักใคร่ในกาม
จึงได้สมญานามว่า ผู้ทวนกระแส
ปิยารมณ์ คือ อารมณ์อันเป็นที่รัก น่าปรารถนา น่าชอบใจ
นายนันทิยะ...เป็นผู้ศรัทธาในพระศาสนา สร้างศาลาโรงทานไว้ในป่าอิสิปตนะ กุศลนั้นทําให้ได้วิมานปราสาททิพย์ในเทวโลกชั้นดาวดึงส์เป็นรัตนะ ๗ ประการ พระมหาโมคคัลลานเถระจาริกไปยังเทวโลกเห็นปราสาททิพย์นั้น เมื่อกลับมาสู่แดนมนุษย์พระเถระได้สนทนาเรื่องปราสาททิพย์นั้นกับพระศาสดา พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
บุรษผู้จากไปนาน
เมื่อกลับมาจากไพรัชสถานโดยสวัสดี
ญาติและมิตรสหาย
ย่อมยินดีต้อนรับ