จิตเดิมแท้ของเรานั้นทุกคนนั้นมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
(4) ว่าด้วยเรื่อง...พระอรหันต์
พระเทวทัต...ได้กลิ้งหินให้ตกลงมา สะเก็ดกระทบพระสรีระยังพระโลหิตให้ห้อขึ้นแล้ว หมอชีวกเป็นผู้พยาบาลอาการให้พระพุทธเจ้า แล้วได้ออกนอกเมืองไปรักษาบุคคลอื่น หมอชีวกกลับมาไม่ทันเวลาประตูเมืองปิด ได้แต่ร้อนใจว่ายานั้นอาจร้อนเกินไปแก่พระพุทธเจ้าในกาลนี้ พระพุทธเจ้าทราบวาระจิตแล้วจึงให้พระอานนท์แก้ผ้าพันแผลออก รุ่งขึ้นหมอชีวกเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าและได้ตรัสถามถึงอาการของยาว่ามีความเร่าร้อนหรือไม่ พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
ผู้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
วิมุติหลุดพ้นโดยประการทั้งปวง
หมดโศก หมดเครื่องพัวพันแล้ว
ความร้อนใจก็หมดไป
ภิกษุทั้งหลาย...โจษกันว่่าพระมหากัสสปเถระเป็นผู้ข้องอยู่ในตระกูลและอุปัฏฐาก ปรารถนาจะได้ลาภสักการะและปัจจัย ๔ จากญาติและอุปัฏฐากทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงทราบความนั้นได้บอกแก่ภิกษุ ทั้งหลายถึงความไม่ข้องในตระกูลและอุปัฏฐากของพระมหากัสสปะ แล้ว ตรัสภาษิตว่า...
ผู้มีสติย่อมขยันขันแข็ง
ไม่ยึดติดแหล่งที่อาศัย
ละทิ้งไปตามลำดับ
เหมือนกับพญาหงส์ทิ้งสระน้ำ
พระเพฬัฏฐสีสเถระ...เห็นว่าการออกบิณฑบาตเรื่อยไปเป็นการ เบียดบังเวลาบําเพ็ญสมณธรรม จากนั้นจึงเที่ยวบิณฑบาตเพื่อนําข้าวมาตากแห้งเก็บสะสมไว้ ภิกษุอื่นโจษติเตียนกันถึงเรื่องนี้แล้ว พระพุทธเจ้าได้บัญญัติวินัยสันนิธิการสิกขาบทพร้อมตรัสภาษิตว่า...
ผู้ที่หมดการสะสม
พิจารณาโภชนะก่อนบริโภค เข้าถึงความหลุดพ้น
อันว่างจากกิเลสและไร้นิมิตหมาย คือกิเลส
บุคคลเช่นนี้ ยากที่สามัญชนจะตามทัน
เหมือนนกบินบนท้องฟ้า ตามทันยาก
พระอนุรุทธเถระ...ออกหาผ้าบังสุกุลอันบุคคลทิ้งแล้ว นางเทพธิดาได้ทําอุบายถวายผ้าทิพย์แก่พระเถระ พระเถระรับผ้านั้นไว้เข้าสู่วิหาร ภิกษุทั้งหลายรวมถึงพระพุทธเจ้าได้ช่วยกันตัดเย็บผ้านั้นเป็นไตรจีวร เหล่า เทพธิดาทั้งหลายและพระอินทร์ได้คอยเป็นอุปัฏฐากถวายภัตตาหารเป็น อันมากแล้ว ภิกษุอื่นโจษกันว่าพระอนุรุทธโลภมากจึงชักชวนให้คนมาถวายภัตตาหารจนเหลือกินเหลือใช้ พระพุทธเจ้าทรงทราบความแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...
ผู้หมดกิเลส
ไม่เห็นแก่กิน เข้าถึงความหลุดพ้น
อันว่างจากกิเลสและไร้นิมิตหมาย คือกิเลส
บุคคลเช่นนี้ มิได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
เหมือนนกบินบนท้องฟ้า หารอยอันใดมิได้
พระมหากัจจายนเถระ...มักเข้าสู่วิหารเพื่อฟังธรรมเนืองๆ วันหนึ่งพระอินทร์เฝ้าคอยพระมหาเถระอยู่ เมื่อพระมหาเถระมาถึงแล้วพระอินทร์ได้เข้านวดเฟ้นปรนนิบัติ ภิกษุทั้งหลายโจษกันว่าพระอินทร์เห็นแก่หน้า เลือกปฏิบัติ พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
ท่านผู้ใดควบคุมอินทรีย์คือ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ได้
เหมือนม้าที่สารถีควบคุมได้อย่างดี
ท่านผู้นี้หมดความไว้ตัว หมดกิเลส มั่นคง
ย่อมเป็นที่โปรดปราน
แม้กระทั่งของเทวดาทั้งหลาย
พระสารีบุตร...ถูกภิกษุบางรูปผูกอาฆาตว่าไม่สนทนากับตนบ้าง กระทําชายจีวรให้มากระทบตนบ้าง ได้ทูลฟ้องพระพุทธเจ้าแล้วพระพุทธเจ้าได้สอบสวนเรื่องนี้และให้พระสารีบุตรยกโทษแก่ภิกษุโมฆบุรุษนั้น พระสารีบุตรไม่ผูกใจเจ็บต่อภิกษุผู้ทูลฟ้อง พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
พระอรหันต์เปรียบได้กับแผ่นดิน
ไม่เคยโกรธขึ้งใคร มีจิตคงที่เหมือนหลักเมือง
มีจรรยาสะอาด เหมือนสระน้ำที่ใสไร้เปลือกตม
ผู้มีคุณสมบัติเห็นปานนี้
ย่อมไม่เวียนว่ายตายเกิดอีก
4.6 คุณสมบัติของพระอรหันต์
เมื่อพระพุทธเจ้า...แสดงธรรมแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วตรัสถามพระ สารีบุตรว่าเชื่อหรือไม่ว่าบุคคลผู้มีศรัทธามากย่อมหยั่งถึงอมตธรรมได้ พระสารีบุตรกล่าวว่าไม่เชื่อ เพราะศรัทธาหากไม่สดับ ไม่เห็น ไม่ทราบ ไม่ทําให้แจ้งด้วยปัญญา บุคคลใดเชื่อด้วยศรัทธาเพียงอย่างเดียวก็อาจเชื่อคนเหล่า อื่นมีเดียรถีย์เป็นต้น ก็ด้วยศรัทธาเป็นประการเดียวได้เช่นเดียวกัน ภิกษุทั้งหลายโจษกันว่าพระสารีบุตรอวดดีแข่งพระพุทธเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ พระพุทธเจ้าทรงทราบความแล้วจึงตรัสภาษิตว่า...
ผู้ไม่เชื่อใครง่ายจนกว่า...
จะพิสูจน์ด้วยตนเอง ๑
ผู้รู้แจ้งพระนิพพาน ๑
ผู้หมดการเวียนว่ายตายเกิด ๑
ผู้หมดโอกาสที่จะทำดีหรือชั่ว ๑
ผู้หมดกิเลสที่ทำให้หวัง ๑
ห้าประเภทนี้แลเรียกว่า ยอดคน
หญิงโสเภณีคนหนึ่ง...ได้นัดแนะบุรุษให้พบกันในสวนร้างยามวิกาล บุรุษนั้นมิได้มาตามนัด หญิงนั้นเกิดความกระสันแล้วเหลียวเห็นภิกษุรูปหนึ่งบําเพ็ญสมณธรรม นางคิดว่าภิกษุนี้คือบุรุษเช่นเดียวกัน จึงกระทํายั่วยวนพระเถระ พระพุทธเจ้าทราบการณ์ด้วยพระญาณแล้วจึงแสดงฤทธิ์ปรากฏแก่พระเถระแล้วตรัสภาษิตว่า...
ป่าที่คนทั่วไปไม่ชื่นชม
เป็นรมณียสถาน
สำหรับท่านผู้หมดราคะ
เพราะพระท่านมิได้ใฝ่กามคุณ
มหาอานิสงส์ของการพิมพ์หนังสือธรรมะ
“ ดูก่อนสารีบุตร นรชนใดมีใจเปี่ยมด้วยศรัทธาได้สร้างหนังสือพระธรรมไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายได้อ่านได้สดับฟัง จะได้รับอานิสงส์ใหญ่อันประมาณมิได้...
ดูก่อนสารีบุตร อย่าว่าแต่พระพุทธวจนะตลอดทั้งไตรปิฎกนั้นเลย “แม้อักขระธรรมหนึ่งตัว” เป็นเครื่องหมายเพื่อน้อมนำจิตระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย นำมาซึ่งความเลื่อมใสแก่ผู้ได้พบเห็น เป็นบ่อเกิดให้ประพฤติคุณงามความดีได้...
ฉะนั้นแล้วจะยังผลให้ผู้สร้างได้เสวยสุขเกษมสิ้นกาลช้านาน จักได้เสวยราชสมบัติเป็นบรมจักรพรรดิถึง 84,000 กัป ใช่แต่เท่านั้น เมื่อเคลื่อนจากความเป็นจักรพรรดิมาแล้วจะได้เสวยราชสมบัติเป็นพระราชาทรงมหิธานุภาพอีก 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นมาก็จะได้เสวยสมบัติในตระกูลต่างๆ เป็นลำดับไปอันมีตระกูล พราหมณมหาศาล ตระกูลเศรษฐี คฤหบดี และภูมิเทวดาอย่างละ 9 อสงไขย ต่อแต่นั้นก็จะได้ไปเสวยสมบัติในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้นประณีีตเป็นลำดับขึ้นไปชั้นละ 9 อสงไขย เมื่อจุติจากเทวโลกแล้วก็จะถือเอากำเนิดในมนุษย์มีกายผุดผ่องโสภาเป็นที่ปฏิพัทธ์รักใคร่ของผู้ได้พบเห็น ทั้งน้ำใจก็สุจริตปราศจากมลทิน อานิสงส์ดังกล่าวมานี้เพราะอำนาจการสร้างอักขระธรรมหนึ่งตัว ฯ”...
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
Copyright (c) 2010 All Rights Reserved.
สำนักพิมพ์เอกอนันต์บุ๊ค
Tel : 034-246644
Mobile : 085-0658236, 089-6726781
Fax : 034-246644
email : 96rangjai@gmail.com
บุคคลหรือหน่วยงานใดสนใจจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเผยแพร่เพื่อแจกจ่ายเป็นธรรมทานแก่วัด ห้องสมุด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ทัณฑสถาน ฯ หรือใช้ในโอกาสอันเป็นมงคลในชีวิตท่าน เช่น วันเกิด ทำบุญบ้าน กฐิน ผ้าป่า วันขึ้นปีใหม่ งานเกษียณอายุราชการ งานศพ สร้างอุทิศส่วนกุศล สะเดาะเคราะห์ หรือแจกจ่ายในงาน มงคล-อวมงคลต่างๆ
อนึ่ง ทางรสำนักพิมพ์มีความยินดีในกุศลเจตนาของท่านผู้มีใจอนุเคราะห์ช่วยเหลือกล่อมเกลาจิตใจของชาวโลกด้วยกุศโลบายอันพระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญแล้ว ทั้งนี้ ทางสำนักพิมพ์ขอร่วมอนุโมทนาบุญ โดยให้ความสะดวกในด้านบริการในราคาพิเศษและจัดส่งตามรายการสั่ง ไม่ว่าซื้อน้อย-ซื้อมาก ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ทางสำนักพิมพ์ยินดีให้บริการแก่ทุกท่าน
พระติสสเถระ...บวชสามเณรให้กุมารน้อย โดยให้ ตจปัญจก กัมมัฏฐาน (ใช้ปัญญาพิจารณาผม,ขน,เล็บ,ฟัน,หนัง) แก่กุมารระหว่างที่พระติสส เถระกําลังปลงผมให้กุมารน้อย ในเวลาปลงผมกุมารน้อยเสร็จนั่นเองกุมาร น้อยก็บรรลุอรหัตผลถึงพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ
ภายหลังพระติสสเถระเดินทางพร้อมสามเณรเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กลางคืนพระเถระและสามเณรจําวัดในเสนาสนะเดียวกัน สามเณรเกรงว่าเมื่อตนนอนร่วมกับพระติสสเถระถึง ๓ คืนจะทําให้พระเถระต้องอาบัติ สามเณรจึงจําวัดโดยนั่งสมาธิรุ่งเช้า เมื่อพระเถระตื่นได้ใช้ด้ามพัดตีสามเณรเพื่อปลุกให้ตื่น ด้ามพัดโดนตาสามเณรแตก เมื่อพระเถระทราบว่า ตนทําให้สามเณรน้อยตาบอดจึงคุกเข่าลงไหว้ขอให้สามเณรยกโทษให้ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเนื้อความจึงตรัสภาษิตแสดงคุณของพระอรหันต์ว่า
พระอรหันต์ผู้เป็นอิสระเพราะรู้แจ้ง
ผู้สงบระงับและมีจิตมั่นคง
ใจของท่านย่อมสงบ
วาจาก็สงบ การกระทำทางกายก็สงบ
สามเณรเรวตะ...น้องชายของพระสารีบุตรบรรลุอรหัตผลแล้วต้องการไปเยือนตระกูลของตนพร้อมด้วยพระพุทธเจ้า ระหว่างทางต้องเดินทางผ่านป่าไม้สะแกอันรกชัฏ สามเณรเรวตะได้บันดาลให้เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์แล้ว ภิกษุ ๒ รูปคิดดูหมิ่นสามเณรเรวตะว่าทำเอาหน้า ภายหลังภิกษุ ๒ รูปต้องเดินทางไปเอาของที่ลืมไว้ แต่สถานที่นั้นกลับเป็นป่ารกชัฏ เช่นเดิม เมื่อภิกษุทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานไปถึงที่หมายแล้ว นางวิสาขาได้ทูลถามถึงเหตุที่ภิกษุ ๒ รูปว่าสถานที่แห่งนั้นเป็นป่ารกชัฏ แต่ภิกษุอื่นว่าเป็นที่น่ารื่นรมย์ พระพุทธเจ้าจึงตรัสภาษิตว่า...
ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือป่า
ไม่ว่าจะเป็นที่ลุ่มหรือที่ดอน
พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ในที่ใด
ที่นั้นเป็นสถานอันน่าภิรมย์
ท่านผู้ที่สนใจต้องการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะ
"เพชรน้ำเอก" เล่ม 1,2,3
เผยแพร่เป็นวิทยาทาน ติดต่อได้ที่