กินดี มีอนามัย สำหรับผู้ป่วย HIV

ก า ร กิ น เ จ
อาหารธรรมชาติของมนุษย์
ตอนที่ 12....กินดี มีอนามัย สำหรับผู้ป่วย เอช ไอ วี

สำหรับผู้มีเชื้อ เอช.ไอ.วี "จากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญ พบว่าการกินที่ไม่ถูกต้องนั้น มีผลเสียและทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ทำนองเดียวกันกับที่เชื้อ เอช.ไอ.วี นำไปสู่การเป็นเอดส์นั่นเอง" การกินอย่างมีอนามัยจะช่วยให้ ร่างกายสามารถต้านทานโรคภัยไข้เจ็บได้ส่วนหนึ่ง บทความนี้จะพูดถึงการดูแลบำรุงร่างกายด้วยการเอาใจใส่เรื่องอาหารการกินสำหรับผู้มีเชื้อ เอช.ไอ.วี ซึ่งยังใช้ชีวิตตามปกติ ยังทำงานได้ อยู่กับคนรัก ครอบครัว เพื่อนฝูง อยู่ในสังคมได้ตามปกติ และยิ่งรู้จักดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมก็จะมีภูมิต้านทานโรคภัยที่จะมาแทรกแซงไปได้นาน คำพูดที่ว่า "You are what you eat, กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น" จริงเท็จแค่ไหนคงไม่ต้องถกเถียงกันอีกแล้ว มีโรคภัยหลายๆอย่างซึ่งเกิดจากการกินที่ไม่ถูกต้อง เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดตีบตัน โรคมะเร็ง จากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญ พบว่าการกินที่ไม่ถูกต้องนั้น มีผลเสียและทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ทำนองเดียวกันกับที่เชื้อ เอช.ไอ.วี นำไปสู่การเป็นเอดส์นั้นเอง เราจะปรับปรุงเรื่องการกินอย่างไร

1. กินผักสดและผลไม้ให้มากขึ้น ถ้าไม่มีของสดอาจเป็นของแข็ง ซึ่งดีกว่าพวกอาหารบรรจุกระป๋องหรือทำแห้ง เพราะทำให้คุณค่าของอาหารหรือวิตามินลดลง นอกจากนี้ยังมีการปรุงแต่ง สี ใส่สารกันบูด ซึ่งเป็นอันตรายเช่นกัน การนำผักสดหรือผลไม้มาปรุงอาหารควรใช้ความร้อนต่ำหรือนึ่ง อบ การต้มเป็นวิธีที่ทำลายคุณค่าอาหารมากที่สุด จึงควรหลีกเลี่ยง

2. กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าการกินเนื้อสัตว์มากๆ เป็นผลให้เกิดโรคภัยต่างๆ มากมาย เพราะการเลี้ยงสัตว์สมัยใหม่จะเร่งการเจริญเติบโตของสัตว์ด้วยการเสริมฮอร์โมน และยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อของโรคสัตว์ เมื่อคนกินสัตว์เข้าไปมากๆ ก็จะมีผลต่อระบบฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันของคนด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ซึ่งมีไขมันมาก โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวที่เกิดการสะสมในเส้นเลือด หรือเรียกว่า คลอเลสเตอรอล ถ้าจะกินเนื้อสัตว์ก็ควรตัดเอาส่วนที่เป็นมันทิ้ง ถ้าเป็นไก่ก็ตัดส่วนหนังออก ถ้าไม่กินเนื้อสัตว์จะมีอะไรทดแทนได้บ้างหรือป่าว ถั่วต่างๆ ลูกนัท เม็ลดพืช เนยแข็ง ขนมปังชนิด Whole wheat ข้าวกล้อง ไข่จากไก่ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ ฯลฯ จะมีโปรตีนแทนเนื้อสัตว์ได้

3. กินอาหารจำพวกข้าวซ้อมมือให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ กรรมวิธีในการผลิตอาหาร เช่น การกลั่น ฟอก ป่นหรือบดจนละเอียด ใส่สีและการปรุงแต่งอื่นๆ เพื่อทำให้อาหารดูน่ากินนั้น ล้วนเป็นอันตรายต่อระบบย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายทั้งสิ้น ดังนั้นจึงควรกินอาหารที่ผ่านกรรมวิธีผลิตน้อยที่สุด ผลไม้และผักบางอย่างกินได้ทั้งเปลือก เช่น พุทธา ฝรั่ง หัวแครอท หัวมันต่างๆ ฯลฯ 4. ลดเครื่องดื่มพวก ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ บุหรี่ ยากล่อมประสาทและยาเสพติดทั้งหลาย สารคาเฟอินในชา กาแฟ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคอ่อนแอ ถ้าเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ร่วมด้วย จะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้น ควรเปลี่ยนมาดื่มกาแฟที่ไม่มีคาเฟอิน ชาสมุนไพร น้ำผลไม้ นมปั่น นมผสมมอล์ หรือช๊อคโกแล็ตแทน ถ้าอยากดื่มแอลกอฮอล์บ้างควรดื่มพอประมาณ สำหรับบุหรี่นั้นควรหยุด หรือลดลงอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อของปอด และทำให้เป็นนิวโมเนีย (ปอดบวม) ซึ่งเป็นโรคแทรกซ้อนอย่างหนึ่งของเอดส์ ยาเสพติด ยาเมาและยากล่อมประสาทก็เช่นเดียวกัน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง นอกจากนั้นเมื่อเกิดการมึนเมาจนขาดสติ ก็อาจจะขาดการระมัดระวังยับยั้งชั่งใจ และมึนเมามีพฤติกรรมเสี่ยงได้ นอกจากทั้ง 4 ข้อที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีข้อปลีกย่อยอีกเล็กน้อย คือพยายามหลีกเลี่ยงการกินน้ำตาล และเกลือเพราะที่จริงแล้ว อาหารที่เรากินอยู่ก็มีปริมาณน้ำตาล เกลือเพียงพอต่อร่างกายอยู่แล้ว เช่น ในผัก ผลไม้ และนม ( บทความจากหนังสือพิมพ์เชียงใหม่ ฉบับภาคเหนือ ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2536 )

อาหารธรรมชาติของมนุษย์
ธรรมคือแรงใจ
96 ธรรมคือแรงใจ
จิตเดิมแท้ของเรานั้นทุกคนนั้นมาจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์
กลับหน้าสารบัญ