ยินดีต้อนรับสู่ฟอรั่ม 96 เสวนาธรรมบำเพ็ญ
กรุณา ลงทะเบียน เพื่อสามารถใช้งานฟอรั่มได้อย่างเต็มรูปแบบ !
ลงทะเบียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและใช้เวลาเพียงเล็กน้อย

"โดยพื้นฐานธรรมชาติเดิมแท้ของตัวเรา
เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และสะอาด
ถ้าเรารู้จิตของเราและเห็นถึงธรรมชาติเดิมแท้ของเรา
เราทั้งหลายก็จะบรรลุถึงความเป็นพุทธะ"

You are here: 96เสวนาธรรมบำเพ็ญ » แหล่งความรู้ประดับปัญญา » ธรรมบท » 

ปรารถนาจะหลุดพ้นการเวียนว่าย ก่อนอื่นต้อง ?...

หน้า: [1]   ลงล่าง
  ตอบ  |  พิมพ์  
Share this topic on FacebookShare this topic on Twitter
ผู้เขียน หัวข้อ: ปรารถนาจะหลุดพ้นการเวียนว่าย ก่อนอื่นต้อง ?...  (อ่าน 5106 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
admin
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2011, 01:01:36 PM »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


ปรารถนาจะหลุดพ้นการเวียนว่าย
ก่อนอื่นต้องสำรวจตรวจสอบตนเอง
family4


 :lQ4:มีผู้คนมากมายต่างก็ศึกษาปฏิบัติบำเพ็ญความเป็นพุทธะ  แต่เหตุใดยังคงมีการเกิดและตาย  
นอกจากเพราะยังไม่แจ้งกระจ่างในจิตญาณแล้ว  ยังเป็นเพียงการปฏิบัติแค่เปลือกนอก  ไม่ได้ลงมือปฏิบัติถึงแก่นแท้แห่งพุทธธรรมอย่างแท้จริง
 : L1 :บำเพ็ญธรรมต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง  ไม่ใช่เป็นแค่ทฤษฎีที่ว่างเปล่า  ผู้บำเพ็ญรุ่นหลังมักกล่าวถึง
ความแยบยลอัศจรรย์ขอแค่ให้ภายนอกดูดี  เช่นนี้ก็มีมากมายแต่ที่สามารถ “บำเพ็ญเคี่ยวกรำจริง  
ใช้จิตวิเคราะห์ไตร่ตรอง  นั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อย”
หากการบำเพ็ญทำเพียงแค่  เข้าร่วมชั้นศึกษา  ฟังธรรม  สวดมนต์
นั่งสมาธิ  เป็นไปตามความเคยชิน  แต่ไม่ได้นำมาฉุดช่วยตนฉุดดึงผู้อื่น  ไม่ได้นำเอาหลักธรรมมาปฏิบัติให้ปรากฏ
เป็นจริงในชีวิตประจำวัน  ก็น่าเสียดายเวลาของตนเองที่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
 บำเพ็ญจริงต้องรู้แจ้งเห็นจริงปัญญาจึงจะสมบูรณ์พร้อม  อย่าได้ยึดติดตรงที่ว่า “ธรรมะที่ฉันบำเพ็ญ
จึงจะเป็นธรรมแท้  ของคนอื่นเป็นธรรมนอกรีต  ไม่เหมือนกับที่ฉันบำเพ็ญ”  จึงเกิดการผลักไส  ก่อให้เกิดการ
แบ่งแยกเปรียบเทียบ  นี่มิใช่เจตนาเดิมที่มีแต่มหาเมตตา  กรุณา  ของพุทธธรรม family1
 : L1 :ด้วยเหตุนี้  ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้น
1.   ไม่ใช่เพราะความสามารถและพรสวรรค์ของเรา
2.   ไม่ใช่เพราะเราได้ชักชวนคนจำนวนมากเท่าไหร่  บรรยายธรรมได้ลึกซึ้งเพียงใด
3.   ยิ่งไม่ใช่เพราะยศฐาตำแหน่ง  อำนาจของเรา  อาณาจักรธรรมใหญ่แค่ไหน  จำนวนคนมากเท่าไหร่


 : L1 :แต่เป็นเพราะว่า
1.   ต้องมีจิตเมตตา กรุณายิ่งกว่าผู้อื่น
2.   ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งกว่าผู้อื่น
3.   ต้องมีความใจกว้างยิ่งกว่าผู้อื่น

 

        ให้สิ่งเหล่านี้มีและไหลพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจจึงจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ด้วยจิตที่ยุติธรรม  
น้อมรับและโอบอุ้มในทุกภาวะ  ด้วยเหตุนี้ “ ตั้งปณิธาน  บรรลุปณิธาน จิตญาณสมบูรณ์ ” จึงจะเป็นสิ่งชี้ว่า
ชาตินี้บำเพ็ญ จะสำเร็จหรือล้มเหลว

        ผู้คนส่วนมากที่คิดว่าตนเองกำลังปฏิบัติบำเพ็ญอยู่โปรดสำรวจตนเองก่อนว่า
1.   เราจะลงสู่โลกด้วยแรงปณิธาน  แล้วได้ทำสิ่งใดที่เป็นการลุซึ่งปณิธานเพื่อกลับคืนหรือยัง?
2.   เรื่องราวต่างๆทางโลกปลงตก  ปล่อยวางแล้วหรือยัง?
3.   เรื่องราวทางโลก เยื่อใยสัมพันธ์อารมณ์ร้อยรัดจนหลงลืมอริยะกิจและปณิธานตนหรือไม่?
4.   ชื่อเสียง  อำนาจ  สละแล้วหรือยัง?
5.   จิตปุถุชน  ความเห็นแก่ตัว  ตัณหาขจัดแล้วหรือยัง?
6.   ความเคยชิน  อุปนิสัยไม่ดีต่างๆ  แก้ไขแล้วหรือยัง?


        กายสวมใส่ชุดของผู้บำเพ็ญ “ การปฏิบัติภายนอก ” อุปนิสัยความเคยชินไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมชั้น  
การทุ่มเทแต่หากมิได้มุ่งบำเพ็ญที่จิตญาณ ก็มิอาจสำเร็จในวิถีธรรมขั้นสูงได้
หากยังมีใจปุถุชน  ความเห็นแก่ตัว  ความยึดติดในโลก  สิ่งร้อยรัดทั้งหลาย  แล้วจะกลับสู่เบื้องบนได้
อย่างไร?  ถ้าเช่นนั้นแดนบริสุทธิ์ก็คงต้องกลายเป็นทะเลทุกข์อีกแห่ง

        ปัจจุบันบำเพ็ญต้อง “ กายอยู่โลกโลกีย์  แต่ใจถือบวช ” อยู่ให้ห่างสิ่งพันธนาการจิตญาณ  ผู้บำเพ็ญ
บางคนแม้ได้ชื่อว่าเป็น “ ผู้บำเพ็ญ ” แต่ความกลัดกลุ้ม  อุปสรรคทางโลกยังมากมาย  กายมาถึงสถานธรรมแล้ว
แต่ใจยังอาวรณ์อยู่กับเรื่องราวทางโลก

         :yeye33:ขอถามว่า
1.   จะชำระล้างละอองโลกีย์สกปรกที่ผ่านมาหลายภพชาติได้อย่างไร ?
2.   จะขจัดความเคยชิน  อุปนิสัยที่ไม่ดีของตนเองได้อย่างไร ?
3.   ที่สำคัญคือ จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต  ในชาตินี้ได้อย่างไร ?
   พึงสังวรว่า “ อย่าได้คิดเอาเองว่ากำลังบำเพ็ญ แท้จริงแล้วกำลังถูกชะตาชีวิตชักนำไป  ทั้งยังนำไปสู่การ
เวียนว่ายในอีกรูปแบบหนึ่ง ”

คนโบราณกล่าวว่า  “ การควบคุมจุดพลิกผันของชีวิต “ จะต้อง

1.   ก้าวเท้าให้ช้าลงบ้าง  มองดูให้ถี่ถ้วน  พิจารณาดูว่า  สิ่งที่เราครอบครองอยู่คืออะไร ?
สิ่งที่ขาดหายไปคืออะไร ?
2.   ก้าวข้ามอุปสรรคฟันฝ่าสภาวะการณ์ที่อับจนด้วยความระมัดระวังสุขุมรอบคอบ ใช้สถานการณ์
ให้เกิดประโยชน์จึงจะ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้

        ในช่วงของชีวิตคนเราย่อมจะประสบกับสิ่งที่รุมเร้าและความกลัดกลุ้มรอบด้านอยู่เสมอ จึงก่อเกิด
ความทุกข์ แต่อย่าได้ลืมว่า “ รู้ที่จะปล่อยวาง  คือผู้มีปัญญาที่สุด ” เมื่อวางซึ่งอัตตาไม่ถือสาใคร ชั่วพริบตานั้น
สิ่งที่ถูกปลดปล่อยจากส่วนลึกภายในคือ
-   ความสงบ เบาสบาย
-   ความราบเรียบ และ ปิติเบิกบาน
        จึงเป็นความวิสุทธิ์แห่งจิตโพธิโดยแท้
 

* ส่องตน.jpg (7.25 KB - ดาวน์โหลด 405 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2011, 01:17:57 PM โดย admin » บันทึกการเข้า
admin
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2011, 01:20:57 PM »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ


ข้อคิด

 lS2การพูดจาต้องการแต่คำพูดที่หวานหู      จะบำเพ็ญไปทำไม
 การใด ๆ หวังจะให้เป็นไปตามใจตน     จะเคี่ยวกรำไปทำไม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2011, 03:02:31 PM โดย admin » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  ตอบ  |  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

+ ตอบด่วน
 


96 ธรรมคือแรงใจ | ปิ๊งแว๊บ ! ปััญญาแจ่มบรรเจิด | อ่านธรรม | มูลนิธิเมตตาอาทร | เสบียงบุญ | วิถีอนุตตรธรรม |

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความคิดเห็น

1. โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
2. ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นเวบบอร์ดโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไปและสมาชิก
ซึ่งทีมงาน 96rangjai มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น และไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางกฎหมายได้
3. หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป
4. ทีมงาน 96rangjai ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น