หัวข้อ: การกินเนื้อสัตว์ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? เริ่มหัวข้อโดย: admin ที่ สิงหาคม 14, 2011, 10:44:24 PM การกินเนื้อสัตว์ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ ธรรมบรรยายโดย อาจารย์สมภาร พรมทา บทสรุป ท้ายที่สุดแล้วพุทธทุกฝ่ายก็เห็นร่วมกันว่า การถือมังสวิรัติเป็นดี การที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้สาวกกินเนื้อสัตว์ได้ ตามที่ปรากฏในคัมภีร์ของฝ่ายเถรวาทนั้น ควรเข้าใจว่าเป็นคนละเรื่องกับการสนับสนุนให้กินเนื้อสัตว์ ระบบจริยธรรมของพุทธศาสนาเถรวาทนั้น เป็นระบบที่คิดเผื่อให้มีทางออก สำหรับสถานการณ์ที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ เมื่อเราเข้าไปดูหนังในโรงหนัง โรงหนังนั้นต้องมีทางออกปิดเอาไว้ สำหรับคนที่มีภาระต้องออกไป ก่อนคนอื่น หรือไม่ยินดีที่จะดูหนังต่อเพราะหมดสนุก พระพุทธองค์ทรงคิดเช่นนี้ จึงทรงอนุญาตให้ชาวพุทธบริโภคเนื้อสัตว์ได้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าในอนาคตหลังจากที่ทรงปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนาอาจแพร่เข้าไปในดินแดนที่อาหารหลักของผู้คนคือเนื้อสัตว์ (เช่นบริเวณขั้วโลกเหนือที่ปลูกพืชแทบจะไม่ได้เลย มีแต่ปลาและเนื้อเท่านั้นที่ผู้คนจะกินเป็นอาหารได้) การปิดประตูสนิทสำหรับการกินเนื้อสัตว์ จึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่การมีประตูออกที่โรงหนัง ไม่ได้แปลว่าเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนออกมาจากโรงหนัง การมีอยู่ของประตูนั้น ควรเข้าใจว่ามีอยู่ในฐานะช่องทางสำหรับการเลือก จริยธรรมแบบที่ไม่มีช่องทางสำหรับการเลือกเลยนั้น พุทธศาสนาเถรวาทถือว่าเป็นจริยธรรมที่สุดโต่ง การที่ฝ่ายมหายานมีความปรารถนา ที่จะให้โลกนี้ลดการฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารมนุษย์นั้น ต้องถือว่าเป็นเจตนาดีอย่างไม่มีข้อสงสัย (http://pic.96rangjai.com/i/n6.jpg) (http://pic.96rangjai.com/index.php?mod=show&id=419) ยิ่งในโลกปัจจุบันที่อุตสาหกรรมอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ กระทำในรูปธุรกิจที่มีการเลี้ยงสัตว์คราวละมากๆ และฆ่าสัตว์เพื่อส่งตลาดคราวละมากๆ ข้อเสนอของฝ่ายมหายานยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สิ่งที่เราไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ การที่เรายังกินเนื้อสัตว์อยู่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความชั่วร้าย ที่กลายเป็นระบบไปแล้วนี้ยังดำรงอยู่ต่อไป ________________________________________ สัตว์จำนวนมหาศาลต้องถูกเลี้ยงในสถานที่ที่แออัด ถูกปฏิบัติอย่างไม่มีคุณค่าโดยเจ้าของธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง รอวันหนึ่งเมื่อเนื้อของมันจะให้ค่าตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ลงทุน พวกมันก็จะถูกกวาดต้อนไปเชือด นี่คือปาณาติบาตที่ทำอย่างเป็นระบบ เป็นวงจร และอย่างปราศจากความสำนึกทางศีลธรรมใดใด การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารบ้างในสังคมเกษตรกรรมนั้น อาจถูกตั้งคำถามไม่มากนักในเชิงจริยธรรม (http://pic.96rangjai.com/i/ao.jpg) (http://pic.96rangjai.com/index.php?mod=show&id=420) ชาวนาที่เลี้ยงไก้ไว้ในบ้านปฏิบัติต่อไก่นั้น อย่างมนุษย์ปฏิบัติต่อเพื่อสรรพสัตว์ ให้อาหารมัน มีที่มีทางให้มันได้เดิน ได้วิ่ง ได้เลี้ยงลูก ตามประสาของมัน ถึงเวลาที่จำเป็นเขาอาจขอชีวิตพวกมันบางตัวเพื่อเป็นอาหาร ปาณาติบาตในสภาพการณ็เช่นนี้ยังพอเป็นที่เข้าใจได้ แต่ไก่หรือหมูที่อยู่ในโรงเลี้ยงสัตว์จำนวนเป็นพันเป็นหมื่นตัวนั้น ไม่มีคุณค่าหรือศักดิ์ใดใดหลงเหลืออยู่ ระบบที่ปฏิบัติต่อพวกมันก็ไม่ใช่ระบบของมนุษย์ (เมื่อเทียบกับที่ชาวนาเลี้ยงไก่) สิ่งที่พุทธศาสนามหายานเรียกร้องชาวพุทธก็คือ ทำไมเมตตาธรรมของเราจงไม่ควรที่จะเอื้อมาถึงสัตว์เหล่านี้ พวกมันไม่มีอำนาจต่อรองใดใด ที่จะช่วยตัวเองให้พ้นไปจากนรกบนดินนี้ นอกจากจะมีมนุษย์ผู้มีจิตใจประเสริฐมาช่วยเหลือ เมตตาธรรมสำหรับฝ่ายมหายาน นอกจากจะคือความรักและหวังดีต่อเพื่อสรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ยังหมายถึงการจะไม่ยอมให้มีการกดขี่เบียดเบียนกัน โดยที่เราไม่ยอมยื่นมือไปช่วยด้วย เมตตาธรรมในความหมายหลังนี้ คือความมีน้ำใจ การคิดถึงผู้อื่น (http://pic.96rangjai.com/i/HV.jpg) (http://pic.96rangjai.com/index.php?mod=show&id=421) และรู้สึกว่าตราบใดที่โลกนี้ยังมีการกดขี่เบียดเบียนกัน เราจะนิ่งดูดายคิดถึงแต่ความบริสุทธิ์ส่วนตัวไม่ได้ ชาวพุทธที่ปิดบ้านนั่งภาวนาเพื่อไปพระนิพพาน โดยไม่มองออกไปข้างนอกบ้านว่าที่โน่นเขาทำอะไรกันบ้าง จะถือว่ามีเมตตาได้หรือ นี่คือคำถามที่ผู้วิจัยคิดว่าฝ่ายมหายานได้ตอบเอาไว้ชัด ฝ่ายเถรวาทจะตอบคำถามนี้อย่างไร นี่คือสิ่งที่เราชาวเถรวาทจะต้องช่วยกันตอบ การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นหลักการแก้ความชั่วร้ายโดยวิธีอหิงสาโดยแท้ เราไม่จำเป็นต้องเรียกร้องระบบการคุ้มครองสิทธิสัตว์ (คือเสนอให้มีกฏหมายยกเลิกการค้าขายเนื้อสัตว์) อย่างที่ชาวตะวันตกบางพวกกำลังรณรงค์ เพราะการเสนอเช่นนั้นเป็นการสร้างการเผชิญหน้ากัน สิ่งทื่เราสามารถทำได้ง่ายๆ ตรงไปตรงมาทันทีทันใด คือ พยายามไม่กินเนื้อสัตว์ สำหรับชาวพุทธเถรวาท คฤหัสถ์อาจถือมังสวิรัติได้ง่ายกว่าพระสงฆ์ เพราะเป็นผู้ที่สามารถเลือกได้ (http://pic.96rangjai.com/i/30v.jpg) (http://pic.96rangjai.com/index.php?mod=show&id=422) และคฤหัสถ์ที่ถือมังสวิรัตินั่นแหละ ที่จะช่วยให้พระสงฆ์ถือมังสวิรัติได้อย่างง่ายดาย ด้วยการถวายอาหารมังสวิรัติแก่ท่าน พระสงฆ์ท่านไม่มีทางปฏิเสธการอุปถัมภ์ของชาวบ้านอยู่แล้ว เราถวายสิ่งใดท่านก็ฉันสิ่งนั้น แต่การเลิกกินเนื้อสัตว์ไม่ใช่ของที่จะเลิกกระทำได้ง่ายๆ เพราะระบบวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เราถือกันเป็นหลักใหญ่ในโลกขณะนี้ เชื่อว่ามนษย์ถูกสร้างมาให้กินเนื้อสัตว์ เพื่อสร้างสมองของเด็กให้เจริญเติบโต ถ้ามนุษย์ยังมีความจำเป็นบางประการ ที่จะต้องกินเนื้อสัตว์อยู่ จริยธรรมแบบทางเลือกที่พุทธศาสนาเถรวาทเสนอนั้น ก็น่าที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด การกินเนื้อสัตว์บนพื้นฐานของความสำนึกว่า ตนเองกำลังเอาเปรียบผู้อื่นจะเป็นแรงหน่วงดึงที่สำคัญ ที่ไม่ได้ทำให้เด็กกินเพื่อความอร่อย แต่เพราะความจำเป็น (http://pic.96rangjai.com/i/EV.png) (http://pic.96rangjai.com/index.php?mod=show&id=418) ยิ่งพุทธศาสนาเถรวาทมีคำสอน ที่บรรยายโทษของการประกอบอาชีพปาณาติบาต (เช่นเรื่องนายโคฆาตก์และนายจุนทสูกริกใน “อรรถกถาธรรมบท”) ว่าจะทำให้มีชีวิตที่เศร้าหมองอย่างไร คำสอนนี้จะยิ่งมีส่วนช่วยให้ผู้ที่ประกอบอาชีพปาณาติบาต โดยเฉพาะในเชิงอุตสาหกรรมมีความตระหนักคิดมากขึ้น ฝ่ายมหายานนั้นรณรงค์ที่ผู้บริโภค ส่วนฝ่ายเถรวาทก็รณรงค์ที่ผู้ผลิต เมื่อผนวกจริยธรรมจากสองฝ่ายเข้าด้วยกัน การฆ่าสัตว์และกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร ก็คงจะลดลงจากโลกนี้เรื่อยๆ อย่างแน่นอน (คัดลอกบางตอนมาจาก : งานวิจัยเรื่อง “กิน : มุมมองของพุทธศาสนา” โดยอาจารย์สมภาร พรมทา ภาควิชาปรัชญา โครงการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พิมพ์ครั้งที่ ๒, พ.ศ ๒๕๔๗, หน้า ๗๕-๗๘) หัวข้อ: Re: การกินเนื้อสัตว์ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? เริ่มหัวข้อโดย: dinhin ที่ เมษายน 19, 2012, 05:25:09 AM บทความดีมากครับ ผมก็ทานมังสวิรัติ
หัวข้อ: Re: การกินเนื้อสัตว์ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? เริ่มหัวข้อโดย: k.จาง ที่ พฤษภาคม 05, 2012, 07:20:25 PM ไม่ว่าเป็นคนนับถือศาสนาอะไรก็ตาม...
หากเราสามารถ เลือกที่จะไม่กินเนื้อสัตว์เพราะมีความเมตตา รู้จักสงสารชีวิตเขา ( เพราะทุกตัวกลัวการถูกฆ่า ) ก็ควรจะงดอาหารเนื้อสัตว์ เพราะทุกวันนี้เราก็รู้อยู่แล้วว่า มีอาหารมังสะวิรัติและอาหารเจ เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ เพียงแต่ คนที่ยังคงติดรสชาดในอาหารเนื้อสัตว์ ที่ไม่เคยนึกถึงเรื่องความมีเมตตากระมัง ทำเอาเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอกินอย่างเดียว คิดเอาแต่ลาภทางปาก...พวกเขาคงจะต้องตอบแทนเหตุการณ์นี้ด้วยการเจ็บป่วยอย่างทุกข์ทรมานในอนาคตเป็นแน่แท้... |